ผม approach ผู้ป่วยทุกคนเหมือนกัน คือ ตามระบบ
แต่อาจารย์และเพื่อนผมหลายๆคนบอกว่า แล้วแต่คนไข้ แล้วแต่ปัญหาที่คนไข้มี แล้ว problem list
แล้วคำตอบที่ถูกต้องคืออะไรล่ะ ทำอย่างไรไม่ให้ขาดตกสักปัญหา แล้วความละเอียดคืออะไร
ผมคิดว่าคำตอบคือ get อะไรโดยไม่ต้องเขียนทุกอย่าง ก็คือเขียน problem list เป็นโรค แต่ไม่ต้องเขียนเป็นระบบครับ จะได้ approach ถูก เราไม่สามารถเขียนทุกอย่างที่คิดได้ในทางปฏิบัติครับ เราควรคิดเป็นอย่างน้อย 2 หรือ 3 มิติขึ้นไป แต่ยังไงเราก็เขียนได้ทีละมิติครับ
ข้อเสนอแนะ...
มิติที่ 1 problem list ที่เราต้องวางแผนวิธี approach และ follow up ต่างกันไปตามแต่ละคนไข้
มิติที่ 2 approach ตามระบบ
- Baseline status
- CVS and vital signs
- RS
- KUB
- Hematology
- Endocrine
- Neurology
- GI and nutrition
- Musculoskeletal
- Skin, bed sore
- Infectious diseases and antimicrobials
- CBC and hemoculture
- CXR and sputum culture
- UA and urine culture
- Bed sore / abscess and pus culture
- Lines, tubes, prothesis and other potential infectious sources
มิติที่ 3 ตาม SOAP note
มิติอื่นอาจจะมีอีก แต่ต้องฝากช่วยกันคิดนะ
เพิ่มเติม...
แล้วจะจำแนกประเภทของ Problem list อย่างไรดีล่ะ
ผมขอแยก problem list ตาม etiology เป็น systemic ก่อน local แล้วก็ 'แก้ง่าย' ก่อน 'แก้ยาก'
เพิ่มเติม...
แล้วจะจำแนกประเภทของ Problem list อย่างไรดีล่ะ
ผมขอแยก problem list ตาม etiology เป็น systemic ก่อน local แล้วก็ 'แก้ง่าย' ก่อน 'แก้ยาก'
- Systemic
- Infection
- Autoimmune / inflammatory
- Malignancy
- Degenerative
- Local
- Infection
- Trauma
- Degenerative
- Underlying conditions อื่นๆ
No comments:
Post a Comment